|
โทษประหารชีวิต
- เหี้ยมโหดและไม่จำเป็น โรม (ฟีเดส) สถาบันนิรโทษกรรมนานาชาติแสดงความคิดเห็นว่า การเสด็จเยือนประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา ของสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 พระองค์ทรงเน้นย้ำหลายครั้ง เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกการลงโทษด้วยวิธีการประหารชีวิต เนื่องจากเป็น "วิธีการลงโทษที่ไม่จำเป็นและเหี้ยมโหด"
ซิสเตอร์เฮเลน พรียีน สังกัดคณะนักบุญยอแซฟแห่งเมแดลลี่ ผู้ประพันธ์หนังสือ "คนตายเดินได้" (Dead Man Walking) หนังสือที่ขายดีที่สุดเล่มหนึ่งในประเทศอเมริกาและได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วย ประสบการณ์ยาวนานจากการคลุกคลีช่วยเหลือคนยากจนที่หลุยส์เซียน่าอันเป็นบ้านเกิด และต่อมาที่นิวโอลีนทำให้มีแนวความคิดต่อต้านโทษประหารชีวิตเพราะเห็นว่ามีความรุนแรงเกินจำเป็น
เกี่ยวกับสถานภาพในประเทศอเมริกาต่อการเลือกใช้วิธีการลงโทษด้วยการประหารชีวิต ซิสเตอร์เฮเลนให้ความเห็นว่า การเมือง, สถานภาพทางเศรษฐกิจ และเชื้อชาติ มีผลต่อรูปคดี จากสถิติพบว่า 90% ของการพิจารณาคดี น้อยกว่า 1% ของคดีฆาตกรรมใน 20,000 ราย ใน 1 ปีจะได้รับโทษประหาร หรือ 85% ของนักโทษจำนวน 3,400 คน ที่รอการประหารเป็นคดีฆาตกรรมที่คนผิวดำกระทำต่อคนผิวขาว แม้จะพบว่าในจำนวนนี้ 50% ของผู้ตายจะเป็นชาวผิวดำก็ตาม
เหตุผลของการนำบทลงโทษรุนแรงถึงชีวิตกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง เป็นการแก้ปัญหาทางสังคมด้วยวิธีการกำจัดให้สิ้นซากตามแนวทางอาชญากรสงคราม เพราะสังคมมองผู้กระทำความผิดว่าเป็นศัตรูและเป็นภัยต่อสังคม การลงโทษด้วยวิธีอื่นหรือการอบรมไม่เคยอยู่ในความคิด อย่างไรก็ตามแนวความคิดนี้ไม่ใช่เป็นแนวทางที่คริสตชนพึงกระทำ รัฐเท็กซัส ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกาเลือกใช้วิธีการประหารชีวิตมากที่สุด
สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงคือเรื่องของการตัดสินผิดพลาด สถิติพบว่าระหว่างปี ค.ศ.1972-1993 นักโทษที่ได้รับโทษประหารไม่น้อยกว่า 48 คน ได้รับการปล่อยให้เป็นอิสระ เมื่อต่อมาพิสูจน์ได้ว่าเขาเหล่านี้บริสุทธิ์ อุดมสาร
|