คณะพลมารี
วัดแม่พระเมืองลูร์ด บางแสน
เปรสิเดียมแม่พระเมืองลูร์ด

คณะพลมารีวัดบางแสน
ก่อตั้ง 12 มีนาคม 2006


จิตตาธิการ
คุณพ่อสายชล คันยุไล เอส.เจ.


ประธาน

คุณเลิศศักดิ์ รุ่งรัตนพัฒนา

สมาชิก
คุณครูอ้อยทิพย์ ไทยเจริญ
คุณครูสินธร เจริญวานิช
คุณจินตนา กรรณิกา
คุณนกน้อย เกตุพันธ์
คุณสมใจ รุ่งเรือง
คุณปาริชาติ แซ่งุ่ย
คุณป้าจันทรา ยิ้มพัฒน์
คุณป้าฝั่น ปักสังคะเนย์

 


คณะพลมารีคืออะไร?

1. คณะพลมารี (The Legion of Mary)
คือคณะฆราวาสคาทอลิกแพร่ธรรม รับใช้พระเป็นเจ้าในเพื่อนมนุษย์ ภายใต้การนำของพระศาสนจักร อันได้แก่ พระสังฆราชประจำท้องที่ และคุณพ่อเจ้าวัดของตน

2. กำเนิด คณะพลมารี
เริ่มเมื่อ 20.00 น. วันที่ 7 กันยายน 1921 (พ.ศ. 2464) ณ บ้านไมรา ถนนฟรันซีส นครดับลินประเทศไอร์แลนด์ ถ้านับถึง วันที่ 7 ก.ย. 1991 นี้ ก็ครบรอบ 70 ปี ผู้ก่อตั้งคือ นายแฟร็งก์ ดั๊ฟ เกิดวันที่ 7 มิ.ย.1889 มรณะวันที่ 7 พ.ย. 1980 อายุ 91 ปีเศษ

3. เปรสิเดียมหรือ ป.
คือหน่วยแรกของคณะพลมารี ตั้งอยู่ตามวัด โรงเรียน สถาบันคาทอลิก เปรสิเดียมแบ่งเป็น 2 ระดับคือ
    ก. ระดับอาวุโส สมาชิกอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
    ข. ระดับเยาวชน สมาชิกอายุต่ำกว่า 18 ปี

4. สมาชิก
แบ่งเป็น 2 ประเภท คือสมาชิกประจำการ และ สมาชิกสนับสนุน
    ก. สมาชิกประจำการอาวุโส ทำงานที่รับมอบสัปดาห์ละ 2 ช.ม.
    ข. สมาชิประจำการเยาวชน ทำงานที่รับมอบอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ช.ม.
    ค. สมาชิกสนับสนุน สวดบทภาวนาของคณะพลมารี (ตามใบแตสเซรา) พร้อมลูกประคำวันละ 1 สาย

5. เจ้าหน้าที่ ป.
มี 5 คน
จิตตาธิการ (เป็นพระสงฆ์-นักบวช)
ประธาน
รองประธาน
เลขานุการ
และเหรัญญิก
หมายเหตุ
    1. เจ้าหน้าที่เปรสิเดียม (นอกจากจิตตาธิการ) ดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี
    2. พลมารีชายนำหน้าชื่อว่า บราเดอร์(บ.) พลมารีหญิงว่า ซิสเตอร์ (ซ.)

6. หน้าที่พื้นฐานของพลมารีแต่ละคน คือ
    1. เข้าประชุมเปรสิเดียมประจำสัปดาห์ตรงเวลา และสม่ำเสมอ และรายงานกิจการที่ทำ พอเหมาะ และได้ยินชัด
    2. สวดบทกาเตนาทุกวัน
    3. กระทำงานอันมีสาระจริงจังของพลมารี จนกระทั่งถือว่า บุคคลที่ไปติดต่อและเพื่อนสมาชิก เป็นดังพระคริสตเจ้า และตนเป็นดังพระนางมารีอา มารับใช้พระองค์เสียใหม่
    4. รักษาความลับอย่างเด็ดขาด ในเรื่องที่ทราบจากการประชุมหรือการติดต่อทำงานพลมารี

7. สภาพลมารี (Councils)
มีหน้าที่ปกครองคณะพลมารี ให้ดำเนินไปตามจิตตารมณ์และระเบียบ ที่ตราไว้ในหนังสือคู่มือทางการของคณะพลมารี ตั้งแต่ระดับต่ำจนถึงสภาสูงสุดมีดังนี้
    1. คูเรีย (Curia) ท้องที่ใด มีตั้งแต่ 2 ป. หรือมากกว่า ก็ให้ตั้ง “คูเรีย” ขึ้นทำการปกครอง. สมาชิกสภาคูเรียประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ทั้งหมด (รวมทั้งจิตตาธิการ) ของ ป. ต่างๆในเขตคูเรียนั้น
    2. คอมิเซียม (Comitium) ท้องที่ใดมีตั้งแต่ 2 คูเรียขึ้นไป และเห็นควรมอบให้คูเรียใดมีอำนาจปกครองคูเรียอื่นด้วย คูเรียที่มีหน้าที่สูงขึ้นนี้ มีชื่อว่า “คอมิเซียม” เช่นปัจจุบันมีคอมิเซียมที่สังฆมณฑลท่าแร่ และที่อุบลราชธานี ปกติคูเรียและคอมิเซียมมีขอบเขตพื้นที่ไม่เกินสังฆมณฑลหนึ่ง
    3. เรเยีย ( Regia ) เป็นสภาบริหารคณะพลมารีในอาณาบริเวณใหญ่กว่าคอมิเซียม (เวลานี้ประเทศไทยยังไม่มีสภาเรเยีย)
    4. เซนาตุส (Senatus ) เป็นสภาปกครองคณะพลมารี ในระดับประเทศ บางประเทศมีกิจการพลมารีมากก็อาจมีหลายเซนาตุสได้ เช่นที่เกาหลี สหรัฐอเมริกาและอินเดีย เป็นต้น
    5. คอนซีเลียม ( Concilium Legionis) คือสภาศูนย์กลาง หรือสภาสูงสุด ทำหน้าที่ปกครองคณะพลมารีทั่วโลก สภาศูนย์กลางตั้งอยู่ที่นครดับลิน ประเทศไอร์แลนด์

เป็นพลมารีคืออะไร

    1. เป็นพลมารีคืออะไร? ตอบสั้นที่สุดคือเป็น ทหารของแม่พระ ทั้งนี้เพราะคณะพลมารีตั้งขึ้น โดยถอดแบบกองพลโรมัน (The Roman Legion) ในอดีตสมัย... กองพลโรมันขึ้นชื่อลือนามเรื่อง ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ความทรหดอดทน ความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อผู้บังคับบัญชา ความมีระเบียบวินัยเคร่งครัด หากองทัพใดในโลกเทียมทานได้ยาก
    อย่างไรก็ดี พึงตระหนักว่า กองพลมารี หรือ คณะพลมารี (The Region of Mary) มิใช่กองทัพแบบในโลกนี้ เป้าประสงค์ของคณะพลมารี เพื่อรับใช้งานสงครามฝ่ายจิต เพื่อรับใช้พระศาสนจักรต่อกรกับศัตรูฝ่ายวิญญาณ คือ อาณาจักรบาป และอำนาจชั่วร้ายของปีศาจ
    ดังนั้นคณะพลมารีจึงทำงานภายใต้คำแนะนำของพระศาสนจักร อันได้แก่ พระสังฆราชประมุขสังฆมณฑล และคุณพ่อเจ้าวัด ทั้งในงานบดขยี้หัวงูปิศาจมารร้าย และในงานขยายพระราชัยของพระคริสตเจ้าให้แผ่ไพศาล

    2. เมื่อเป็นทหารของแม่พระ เมื่อตั้งใจเป็นเครื่องมือดีที่สุดของพระแม่ พลมารีแต่ละคน ก็ต้องพยายามทำตนเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ คือขั้นแรกต้องปราศจากบาปหนัก มีชีวิตพระหรรษทาน เพราะพระเยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าปราศจากเรา” ท่านไม่อาจทำอะไรได้เลย
    แต่ถ้าพลมารีมีพระอยู่ในใจ เขาจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวา ในการเข้าประชุม และทำงานประจำสัปดาห์ โดยมิรู้เบื่อหน่ายท้อแท้ใจ เขาจะตระหนักว่า แต่ละวิญญาณเป็นค่าพระโลหิต ที่พระองค์ทรงอุทิศไถ่กู้จนหยาดสุดท้ายบนกางเขน..... พระโลหิตนั้นต้องนำไปถึงทุกคน

    3. เมื่อตั้งใจเป็นเครื่องมือที่ดีของแม่พระ ก็โปรดถามตนเองว่า ในการเข้าประชุมก็ดี รายงานก็ดี การรักษาความลับก็ดี ฯลฯ เหล่านี้ ถ้าแม่พระมาทำ พระนางจะปฏิบัติอย่างไร
    พึงพยายามใคร่ครวญดู และหาคำตอบจากการปฏิบัติจริง แล้วระดับความเป็นพลมารีของแต่ละคนจะมีแต่สูงขึ้นเรื่อยๆ .... เรื่องขาดประชุม มาสาย ไม่ทำงานที่รับมอบ ไม่น่าจะมีในกองทัพของแม่พระเลย

    4. เป็นพลมารี คือมุ่งนำแม่พระมาสู่โลก และนำโลกไปถวายพระเยซูเจ้า (Ad Jesum per Mariam) พลมารีจึงต้องเป็นหนึ่งเดียวกับแม่พระ มีแม่พระอยู่ในใจ เพราะแม่พระเป็น “มารดาพระหรรษทาน” เป็น “คนกลางจ่ายพระหรรษทานทั้งสิ้น”
    เราทราบว่าเมื่อเกิดมาเราแต่ละคนติดบาปกำเนิด วิญญาณขาดชีวิตเหนือธรรมชาติ (พระหรรษทานศักดิ์สิทธิกร) และเราจะได้รับชีวิตเหนือธรรมชาตินั้น ก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบที่พระทรงจัดไว้ คือ ผ่านทางพระนางมารีอา
และเมื่อพระนางสนิทในตัวพลมารี และอาศัยทางพลมารี พระนางก็ร่วมมีส่วนในทุกหน้าที่ของคณะพลมารี .... สมาชิกจึงมิใช่เพียงรู้สึกว่า เสมือนตนได้แลเห็น และรับใช้พระคริสตเจ้าเท่านั้น แต่เหมือนเป็นพระนางเองที่มาแลเห็น และรับใช้วิญญาณเหล่านั้น และคู่มือฯ เองยังเน้นว่า คณะพลมารี คือแม่พระทำงาน

สรุป
คณะพลมารี คือ คณะกิจการฆราวาสคาทอลิกระดับแนวหน้า ที่แผ่กระจายอยู่ในหลายประเทศ ทุกทวีป เป็นคณะที่มีระเบียบวินัยเข้มแข็ง สมเป็นทหารแท้ของพระราชินีมารีอา ตั้งหน้าขจัดอาณาจักรบาป และความชั่วร้ายของปีศาจ ขณะเดียวกันก็ขยายพระราชัยของพระคริสตเจ้าอย่างมิรู้ย่นย่อท้อถอย

Upload 11 Feb 2008
Back to Home Page