คนบางแสน

 

ในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์


ก้าวที่ 23: เบธานีและเบธฟายี


วันอังคารที่ 17 เมษายน 2007 ในตอนบ่าย คณะแสวงบุญของเราเดินทางจากเมืองเยริโค เพื่อเข้าที่พักโรงแรมในกรุเยรูซาเล็ม ซึ่งเส้นทางนี้จะต้องผ่านหมู่บ้านเบธานีและเบธฟายี ที่จริงเรายังมีเวลาเหลือเฟือในตอนบ่าย แต่ผู้จัดไม่ได้ใส่ไว้ในโปรแกรม น่าเสียดาย

 
พระวรสารกล่าวถึงหมู่บ้านเบธานีหลายครั้ง ที่นี่มีบ้านของมารีอา มาร์ธา และลาซารัส ที่พระเยซูเจ้าทรงรักมาก ที่นี่ที่พระเยซูเจ้าทรงทำให้ลาซารัสฟื้นขึ้นมาจากความตาย (ยน. 11 : 1 – 4) ที่บ้านของมารีอาและมาร์ธา พระองค์สอนวิถีชีวิตที่จะไปสู่พระราชัยสวรรค์แก่คนทั้งสอง (ลก. 10 : 38 -42)

นอกจาก มารีอา มาร์ธา และลาซารัสแล้ว พระเยซูเจ้าก็ยังมีเพื่อนคนอื่นอีก เช่น พระองค์ได้รับเชิญไปรับประทานอาหารที่บ้านของซีมอน ที่เคยเป็นโรคเรื้อน และที่นี่ มารีอาได้ใช้น้ำมันหอมราคาแพง ชโลมพระเยซูเจ้า (มธ. 26 : 1 – 18, มก. 14 : 3 – 9, ลก. 7 : 36 -50)


Jerico เนื่องจากหมู่บ้านเบธานีมีบทบาทในภารกิจของพระเยซูเจ้า คริสตชนในทุกยุค ตั้งแต่สมัยไปเซนไทน์ สมัยครูเสด จนถึงสมัยปัจจุบัน ต่างก็ให้ความสำคัญ จึงมีการสร้างวัดขนาดใหญ่ เหนือหลุมฝังศพของลาซารัส และตรงจุดที่คิดว่าเป็นบ้านของมารีอาและมาร์ธา แต่ก็ถูกทำลายลง


ปัจจุบันมีวัดใหม่ สร้างใกล้ๆ กับซากวัดเดิม วัดนักบุญลาซารัส (Church of St. Lazarus) ของคณะนักบวชฟรังซิสกัน


ภายในวัดมีภาพวาดเหนือพระแท่น
พระเยซูเจ้าทรงรู้สึกสะเทือนพระทัยอีก เสด็จถึงคูหาฝังศพ ซึ่งเป็นโพรงหิน มีหินแผ่นหนึ่งปิดอยู่
พระเยซูเจ้าตรัสว่า 'จงเอาหินออก!' มารธา น้องสาวของผู้ตายทูลว่า 'พระเจ้าข้า ศพมีกลิ่นแล้ว เพราะฝังมาถึงสี่วัน' พระเยซูเจ้าตรัสถามว่า 'เรามิได้บอกท่านหรือว่า ถ้าท่านมีความเชื่อ ท่านจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า?'

คนเหล่านั้นจึงยกแผ่นหินออก พระเยซูเจ้าทรงแหงนพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า "ข้าแต่พระบิดาเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงฟังคำของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทราบดีว่า พระองค์ทรงฟังข้าพเจ้าเสมอแต่ที่ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้ก็เพื่อประชาชนที่ยืนอยู่รอบข้าพเจ้า เพื่อเขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา"

ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียงดังว่า 'ลาซารัสเอ๋ย จงออกมาเถิด!' ผู้ตายก็ออกมา มีผ้าพันมือพันเท้า และผ้าคลุมใบหน้าด้วย พระเยซูเจ้าตรัสว่า 'จงเอาผ้าออกและปล่อยเขาไปเถิด' (ยน. 11 : 17 – 44)

   
และมีอุโมงค์หลุมฝังศพของลาซารัสด้วย

   
ทางลงไปภายในอุโมงค์


เบธานี (Bethany) และเบธฟายี ( Bethphage) ปัจจุบัน เป็นหมู่บ้านของชาวอาหรับ ชื่อ เอลอาซาริเอห์ (El Azarieh แปลว่า หมู่บ้านลาซารัส) เป็นหมู่บ้านอยู่นอกกรุงเยรูซาเล็ม อยู่ทางตะวันออกของที่ลาดเชิงเขามะกอก จากเบธฟายี มีทางลาดไปสู่เบธานี ซึ่งอยู่ห่างกรุงเยรูซาเล็มประมาณ 3 ก.ม. และเป็นเส้นทางไปสู่เมืองเยริโค


เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จพร้อมกับบรรดาศิษย์เข้ามาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม ที่หมู่บ้านเบธฟายีและเบธานีใกล้กับภูเขามะกอกเทศ พระองค์ทรงใช้ศิษย์สองคนไป
ตรัสแก่เขาว่า 'จงเข้าไปในหมู่บ้านข้างหน้า เมื่อเข้าไปแล้ว ท่านจะพบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ ยังไม่มีใครเคยขี่ลาตัวนั้น เลย จงแก้เชือกและจูงมันมาเถิด
ถ้ามีผู้ใดถามว่า "ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้? จงบอกเขาว่า "พระอาจารย์ต้องการใช้มัน และจะส่งกลับคืนมาให้ทันที"'
ศิษย์ทั้งสองออกไป แล้วพบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ที่ประตูด้านนอก ในถนน ขณะที่เขากำลังแก้เชือก
บางคนที่ยืนอยู่ที่นั่นถามว่า 'ทำอะไรกัน แก้ลูกลาทำไม?' ศิษย์ทั้งสองก็ตอบตามที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้ เขาก็ยอมให้นำลูกลาไป
ศิษย์ทั้งสองจึงจูงลูกลามาถวายพระเยซูเจ้า แล้วเอาเสื้อคลุมของตนปูบนหลังลา พระองค์จึงทรงลูกลาตัวนั้น
คนจำนวนมากเอาเสื้อคลุมของตนปูตามทาง บางคนเอากิ่งไม้ซึ่งตัดจากทุ่งนามาปูด้วยพวกที่เดินไปข้างหน้า และผู้ที่ตามมาข้างหลังต่างโห่ร้องว่า "โฮซานนา! ขอถวายพระพรแด่ผู้มาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า!ขอพระพรจงมีแด่พระอาณาจักรที่กำลังจะมาถึงของกษัตริย์ดาวิด บรรพบุรุษของเรา! โฮซานนา! ณ สวรรค์สูงสุด!
(ลก.11 : 1-10)


แห่ใบลานเข้ากรุงเยรูซาเลม


โฮซานนา

   
วัดคณะฟรังซิสกัน ที่เบธฟายี มีภาพวาดภายในวัดสวยงาม

   
ในวัดมีก้อนหินใหญ่ เชื่อว่าพระเยซูเจ้าใช้เหยียบเพื่อขึ้นหลังลา แกะสลักเรื่องราวตามพระวรสาร


Back to Mainpage