คนบางแสน

 

ในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์


ก้าวที่ 14 : เรือพระเยซูเจ้าและปลานักบุญเปโตร

ครั้นเวลาเย็นวันเดียวกันนั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า 'เราจงข้ามไปฝั่งทะเลสาบด้านโน้นกันเถิด'
บรรดาศิษย์จึงละทิ้งประชาชนไว้ และออกเรือที่พระองค์ประทับอยู่นั้นไป มีเรือลำอื่นๆ ติดตามไปด้วย  ขณะนั้นเกิดพายุแรงกล้า คลื่นซัดเข้าเรือจนน้ำเกือบจะเต็มเรืออยู่แล้ว พระองค์บรรทมหนุนหมอนอยู่ที่ท้ายเรือ บรรดาศิษย์จึงปลุกพระองค์ทูลว่า 'พระอาจารย์ พระองค์ไม่สนพระทัยที่พวกเรากำลังจะตายอยู่แล้วหรือ?!'
พระองค์จึงทรงลุกขึ้น บังคับลม ตรัสแก่ทะเลว่า "เงียบซิ! จงสงบลงเถิด!" ลมก็หยุด ท้องทะเลราบเรียบอย่างยิ่ง  แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า 'ตกใจกลัวเช่นนี้ทำไม? ท่านยังไม่มีความเชื่อหรือ?' เขาเหล่านั้นมีความกลัวอย่างมาก พูดกันว่า 'ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ? ลมและทะเลจึงยอมเชื่อฟังเช่นนี้'

(มก.4:35-41)

  พระเยซูเจ้าเริ่มประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้าในแคว้นคาลิลี
ทรงเทศน์สอน
และทำอัศจรรย์มากมายบนฝั่งของทะเลสาบคาลิลี
ทรงเรียกเปโตร อันดรูว์ ยากอบ และสาวกอื่นที่เป็นชาวประมงในทะเลคาลิลี
ทรงปราศรัยกับประชาชนจากเรือของเปโตร (มก.3 7-12, ลก.5:1-3) 
พระองค์เสด็จลงเรือข้ามทะเลคาลิลีหลายครั้งทีเดียว
ที่สำคัญ คือ เมื่อครั้งที่พระองค์บังคับลมพายุ ทำให้คลื่นลมสงบ (มธ.8:23–27)


และอีกครั้งที่พระองค์ทรงดำเนินบนผิวน้ำในเวลาค่ำ (มธ.14:22–23)

วันจันทร์ที่ 16 เมษายน 2008 หลังจากไปยี่ยมชมวัดมหาบุญลาภ และเยี่ยมชมโบราณศาลาธรรมของชาวยิวสมัย 300 ปี และบ้านนักบุญเปโตร ที่เมืองคาเปอร์นาอุมแล้ว โปรแกรมต่อไปคือ ล่องเรือข้ามทะเลคาลิลี


  ไกด์พาเราไปรอลงเรือที่ท่าเทียบเรือที่คิบบุทซ์กิโนซาร์ (Ginosar Kibbutz) ที่ตั้งอยู่หลังศูนย์การศึกษายีกัล อัลลอง (Yikal Allon Centre) หรือพิพิธภัณฑ์เรือโบราณแห่งกาลิลี (The Ancient Galilee Boat)


 ขณะที่พวกเรารอเรือ ก็ให้เราดู ชมและซื้อของที่ระลึก ข้าพเจ้าไม่ค่อยชอบซื้อของที่ระลึก จึงเดินไปรอบๆ เห็นมีจัดนิทรรศการเกี่ยวกับชุมชน การเกษตร และเดินไปพบฟอสซิลก้อนโตที่งมขึ้นมาจากทะเล มีอายุเป็นพันปี

 บังเอิญขณะนั้นมีกรุ๊ปทัวร์คงมาจากยุโรป เดินเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง ข้าพเจ้าก็เลยเดินตามเข้าไปด้วย เป็นห้องจัดนิทรรศการเื่องราวเกี่ยวกับแคว้นคาลิลี เขากำลังฉายวิดิทัศน์เกี่ยวกับเรือโบราณ จบแล้วจึงเปิดไฟให้ดูเรือจริง ข้าพเจ้ารีบกดชัตเตอร์ทันที


 ในปี ค.ศ. 1986 มีการค้นพบซากเรือโบราณลำหนึ่ง จมในโคลนนอกฝั่งทะเลคาลิลีไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ใกล้ๆ เมืองมักดาลา (เมืองของนักบุญมารีอา ชาวมักดาลา) ข่าวนี้ดังไปทั่วโลก เพราะมีการศึกษาวิเคราะห์แล้ว เป็นเรือที่มีอายุอยู่ในช่วงคริสต์ศตวรรษแรก คือใกล้เคียงกับสมัยของพระเยซูเจ้า อายุราวๆ 2 พันปี เลยเรียกเรือประวัติศาสตร์ลำนี้ว่า เรือพระเยซู (Jesus Boat) (แต่อย่าทึกทักว่าเป็นเรือที่พระเยซูเจ้าเคยนั่งนะ)


 เรือลำนี้ทำด้วยไม้สน (ซีดาร์) และไม้โอ๊ค ยาว 9 เมตร กว้าง 2.5 เมตร ลึก 1.25 เมตร ดูจากรูปร่างลักษณะคล้ายจะเป็นเรือรับส่งคนโดยสาร แต่ดูจากขนาดน่าจะเหมาะที่เป็นเรือประมงจับปลาในทะเล ตามที่มีกล่าวในพระคัมภีร์ (มธ.13:47–48)


 นี่เป็นเรือจำลองสร้างจากรูปร่างลักษณะเรือโบราณที่ขุดพบ จัดแสดงไว้นอกอาคาร


  รปภ.รี่เข้ามาทันที เพราะเขาห้ามถ่ายรูป ข้าพเจ้าเลยรีบซอร์รี่ แล้วก็รีบออกมาจากห้อง ที่จริงจะต้องเสียค่าเข้าชม และด้วยกลัวว่าถ้ายืดเยื้อ จะหลงคณะทัวร์ของเราละก็ ยุ่งแน่ๆ มองซ้ายมองขวา หายไปไหนหมด


         โน่น คณะแสวงบุญของเราเดินไปลงเรือที่ท่าเรือหลังศูนย์การศึกษา งกิโนซาร์


 ระหว่างเดินไปลงเรือ ขออุ้มเชื้อสายพระเยซูหน่อย


 ที่เห็นข้างหลังก็เป็นเรือจำลองสร้างจากรูปร่างลักษณะเรือโบราณที่ขุดพบ ดัดแปลงเป็นเรือท่องเที่ยว


 ขึ้นบนเรือแล้ว


 ทะเลสาบคาลิลีมีลักษณะคล้ายพิณ  เราลงเรือที่ คิบบุทซ์กีโนซาร์ทางฝั่งตะวันตก เยื้องไปทางเหนือ ใต้เมืองทับก้าที่พระเยซูเจ้าทวีขนมปังเล็กน้อย  เรือแล่นข้ามมาทางฝั่งทิศตะวันออก ตรงกลางๆ ของทะเลสาบ มาขึ้นที่ท่าเรือคิบบุทซ์อินเกฟ (Ein Gev)  ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับเมืองทิเบอเรียส ที่เราพักค้างคืน 


 วันนั้นอากาศแจ่มใส  มีแดดจ้าพอควร  มีลมพัดเบาๆ  ไม่มีคลื่นใหญ่ 


 จับจองนั่งชมวิวทิวทัศน์สวยงามของชายฝั่ง


 ไกด์บอกว่าใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 


 ชมวิวทิวทัศน์สวยงามของชายฝั่ง


 กับคุณพ่ออาทร  


 ยืนชมวิวทิวทัศน์สวยงามของชายฝั่งท้ายเรือ


 หัวเรือ กับคุณพ่อเบี้ยวและคุณพ่อปู


  มีความสุขทุกคน คุณพ่อเบี้ยว คุณแดง คุณพ่อปู เจ๊หมวย และคุณพ่อโจ้


 ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง  ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยง มาถึงฝั่งทะเลตะวันออกที่ คิบบุซอินเกฟ


 หิวพอดี จุดจอดเรือเป็นร้านอาหารชื่อ Fish Restaurant ที่เราจะรับประทานอาหารกลางวัน เป็นร้านอาหารใหญ่พอสมควร

              
   อาหารกลางวันมื้อนี้เป็นอาหารพื้นเมือง มีซุป มีขนมปังจิ้มถั่วบดกวน  ซึ่งมีอยู่หลายแบบ 


 และอาหารจานหลัก คือ ปลาทอดคนละตัว ปลานี้มีชื่อว่า ปลานักบุญเปโตร (St. Peter Fish) 


 บางคนก็บอกว่าอร่อยดี บางคนก็ว่าธรรมด๊า ธรรมดา  เพราะมันหน้าตาเหมือนปลานิลบ้านเรานั่นเอง
 แต่ไกด์บอกว่า ใครมาคาลิลีก็ต้องได้กินปลานักบุญเปโตรกันทุกคน  พระเยซูเจ้าก็คงได้กินปลาแบบนี้มาตลอดเวลา 
ที่แน่ๆ คือ วันที่พระองค์ประจักษ์มาหาบรรดาสานุศิษย์ ครั้งที่ 3 (ยน. 21:1–17) ที่เล่ามาแล้ว


Fish Restaurant

บันทึกส่วนตัวของคุณแดง ตอนที่ 14


Back to Mainpage